หยุดยาวปีใหม่นี้.. ได้ไปเชียงใหม่อีกแล้วครับ.. รู้ว่าคนไปกันเยอะ แต่ก็ยังจะไปอยู่ดี. (+_+)
มาร์ค อาร์ม โดนัท ( 3 คนอีกแล้ว) …. เอาล่ะครับ.. ไปกันเลย…
—— คืนเดินทาง ———————————————————————————————-

ช่วงเทศกาลที่หมอชิตคนจะเยอะมากๆ ตั๋วรถของเราที่จะใช้ในการเดินทางคืนนี้เป็นตั๋วรถเสริมของบริษัท ชัยสิทธิ์ทัวร์ รอบ 21.30 น. แต่กว่ารถจะออกก็ปาเข้าไป 23.00 น. นู้นเลย !! แล้วรถเสริมก็ไม่มีเครื่องดื่มกับของว่างให้ด้วย บัตรรับประทานอาหารรอบดึกกลางทางก็ไม่มีให้ ทั้งๆ ที่ค่าตั๋วโดยสารก็ต้องจ่ายราคาเท่ากับรถปกติ ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกบริษัทรึป่าวนะครับ..
ตั้งแต่ออกจากหมอชิตมาปริมาณรถบนถนนก็หนาแน่นมากๆ รถวิ่งได้ช้าๆ ไปจนถึงนครสวรรค์เลย
บนรถทัวร์ ตอนกลางคืนแอร์หนาวมาก หิมะแทบจะตก ต้องใส่เสื้อกันหนาว + เอาถุงนอนมาห่ม พอตอนกลางวันในรถก็ร้อนมากเหมือนกับทะเลทราย กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็ 12.30 น. ของอีกวัน เป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานมาก ปกติแล้ว กทม. – เชียงใหม่ รถจะวิ่งแค่ 9 – 10 ชั่วโมงเท่านั้น แต่นี่ใช้เวลาไปเกือบ 14 ชั่วโมง..
—— วันที่ 1- เดินทางไปอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ———————————————

……. มาถึงเชียงใหม่อากาศเย็นๆ สบายๆ (^_^) …….
จากสถานีขนส่งเชียงใหม่ (อาเขต) นั่งรถรถสองแถวแดงคนละ 15 บาทเพื่อจะไปต่อรถที่สถานีขนส่งช้างเผือก คืนนี้จะไปกางเต้นท์ที่ดอยอินทนนท์กันครับ

มีใครเคยเห็นฝรั่งคนนี้กับจักรยานคู่ใจที่เชียงใหม่บ้างครับ ?

การเดินทางจากเชียงใหม่ไปจุดกางเต้นท์ กม.31 บนดอยอินทนนท์ จะต้องใช้ทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่ – หางดง – จอมทอง ก่อนถึง อ.จอมทองจะมีแยกขวาเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สามารถนั่งรถสองแถวประจำทางสีเหลืองสาย เชียงใหม่ – อ.จอมทอง ไปลงที่แยกขึ้นดอยอินทนนท์ก่อนถึง อ.จอมทอง 2 กิโลเมตร แล้วค่อยหารถโบก หรือหาเพื่อนร่วมทางเหมารถขึ้นดอยอินทนนท์อีกต่อก็ได้ครับ หากมากันเยอะๆ ก็เหมารถสองแถวจากเชียงใหม่ไปได้เลย ราคาเหมาประมาณ 1000 บาท ระหว่างทางมีวิวสวยงาม นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ เกือบ 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ

ลานกางเต้นท์ กม. 31 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เย็นวันที่ 30 ธันวาคม บรรยากาศคึกคักมาก เต็มไปด้วยเต้นท์ นักท่องเที่ยว ร้านค้า รถยนต์ ฯลฯ (-_- ) อากาศหนาวดีครับ.. ชอบๆ !!

ถ้าไม่ได้เอาเต้นท์มาเอง ก็สามารถเช่นเต้นท์ได้ในราคา 250 บาทต่อคืน (เต้นท์ขนาด 4 คน ไม่มีเครื่องนอน) เรื่องอาหารการกินนี่ไม่ต้องห่วงเลย เพราะมีร้านขายอาหารเเยอะมาก มื้อค่ำนี้ก็เลยกินข้าวซอยกันคนละชาม พร้อมกันซุปร้อนๆ… 😛
—— วันที่ 2 – ยอดดอยอินทนนท์ – พระมหาธาตุฯ – กิ่วแม่ปาน – ตัวเมืองเชียงใหม่ ———-

เช้านี้ตื่นตี 4 หนาวมากๆ !! จุดท่องเที่ยวต่างๆ ใน อช.ดอยอินทนนท์ จะอยู่ห่างกัน ไม่ได้เอารถส่วนตัวมา ก็ต้องโบกล่ะครับ จากจุดกางเต้นท์ขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์ ระยะทาง 17 กิโลเมตร.. โบกรถกระบะใจดี ขอติดรถไปด้วย ปรากฏว่าประเทศไทยแคบมาก … ผู้ชายในรถกระบะเป็นพี่ๆ ที่เคยเจอกันเมื่อตอนไปภูเรือเมื่อเดินตุลาที่ผ่านมานี่เองครับ !!! #@$^#

คนเยอะมาก(ๆๆๆ)

กม. 48 ยอดดอยอินทนนท์เป็นที่ตั้งของสถานีเรดาห์ของกองทัพอากาศ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร สูงสุดแดนสยามครับ !


หนาวจริงๆ ครับ…. ชอบๆๆๆ ^_^
ถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนใหม่ เป็นพี่ๆ เจอกันที่ลานกางเต้นท์ โบกรถขึ้นมาด้วยกันครับ



ลงมาจากยอดดอย บริเวณ กม. 41.5 เป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ซึ่งกองทัพอากาศได้จัดสร้างขึ้นในปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ และปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ โดยสร้างเป็นเจดีย์อยู่เคียงข้างกัน

พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ

พระมหาธาตุนภเมทนีดล



บริเวณโดยรอบมีการจัดสวนดอกไม้ และมีจุดชมวิวที่สวยงาม

เดินชมพระมหาธาตุฯ แล้วก็ไปต่อที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่มแม่ปาน อยู่ใกล้ๆ กับพระมหาธาตุฯ ครับ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง มีไกคท้องถิ่นเป็นผู้นำทางให้ครับ… หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วก็เริ่มเดินกันเลย


เส้นทางช่วงแรกๆ จะเป็นป่าดงดิบ

มีสะพานไม้ข้ามห้วย และก็ผ่านน้ำตกเล็กๆ


ผ่านมา 1 กิโลเมตร จะทะลุออกมาที่สันกิ่วแม่ปานซึ่งเป็นทุ้งหญ้าโล่งกว้าง มีลมแรง และหมอกลอยมา วิวสวยจริงๆ ครับ ที่นี่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง “รักจัง” ด้วย.. ใครเคยดูแล้วคงจำได้ว่า ฟิล์มกับพอลล่ามายืนสวีทกันอยู่แถวนี้ ^_^

เดินไปเรื่อยๆ ตามสันเขาก็จะเห็นวิวที่สวยงาม

เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวร่ม เดี๋ยวหมอกลง ลมแรง สลับกันไป


เดินมาตามสันเขาก็จะผ่านดงกุหลาบพันปี.. แต่ตอนนี้ยังไม่ออกดอกให้เห็นครับ…

เดินไปอีกเรื่อยๆ ก็จะเห็นวิวที่มองลงไปเห็นพระมหาธาตุฯ ครับ



พระมหาธาตุฯ กับฉากหลังยอดดอยหัวเสือ

หลังจากเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแล้วก็ลงมาที่ลานกางเต้นท์ กม.31 เก็บของ เตรียมลงจากดอยอินทนนท์เข้าเมืองเชียงใหม่ครับ
โบกรถกระบะใจดีจากลานกางเต้นท์ มาส่งพวกเราถึงประตูช้างเผือกในเมืองเชียงใหม่เลยครับ

คืนนี้เป็นคืนสิ้นปี วันที่ 31 ธันวาคม พวกเราจะเค้าท์ดาวน์กันในเมืองเชียงใหม่นี่ล่ะ เก็บกระเป๋าเข้าที่พักแล้วก็ออกมาหาของกินแถวนั้น ข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ประตูช้างเผือกจานละ 10 บาทครับ.. ถูกและอร่อย !! ใครบอกว่าเชียงใหม่มีแต่ของแพงไม่จริงครับ

แล้วก็.. ไปต่อกันที่ประตูท่าแพ สถานที่จัดงานเค้าท์ดาวน์.. แต่แล้วงานก็ถูกยกเลิก….เมื่อสถานการณ์ที่กรุงเทพฯ ไม่ปลอดภัย

งานถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนจะยังไม่ค่อยอยากกลับกันเลย… ดูเหมือนเหตุการณ์ปกติดี ก็เลยเดินดูของไปเรื่อยๆ ตามถนนคนเดิน

ก่อนเที่ยงคืนมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรในหลวงด้วยครับ


10…. 9… 8… ..7… .. .. . . . . . . . . . . . . . . . ……..3…2…1 Happy New Year สวัสดีปีใหม่
ถึงแม้งานจะถูกยกเลิกไปแล้ว.. แต่ที่ประตูท่าแพก็ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่ฉลองกันเพียบ
—— วันที่ 3 – เดินทางไปอำเภอปาย – พักที่กาสะลอง – วัดพระธาตุแม่เย็น ——————-

เช้าวันนี้รีบตื่นมาขึ้นรถ .. จะไป อำเภอปาย (แม่ฮ่องสอน) กันครับ ‘ปาย’ เมืองแห่งกระท่อมปลายนา
จากสถานีขนส่งเชียงใหม่ (อาเขต) มีรถโดยสารประจำทางราคาคนละ 72 บาท ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง หรือจะเลือกนั่งรถตู้ประจำทางราคาคนละ 150 ใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง ก็ได้

เมื่อมาถึงอำเภอปายแล้วก็เช่ามอเตอร์ไซต์จากร้านในเมือง เช่า 1 วันราคาประมาณ 100 – 150 บาท แล้วก็ขี่มาที่พักที่จองไว้ คืนนี้เราจะพักกันที่ “กาสะลอง” เป็นกระท่อมปลายนาจริงๆ ครับ ห้องพักในช่วงเทศกาลแบบนี้คืนละ 600 บาท

ที่พักติดแม่น้ำปาย มองเห็นวิวสวยงาม

กิ้งก่าตัวนี้ต้อนรับเราอยู่ในห้องน้ำ !! เลยจับมันออกมาขอถ่ายรูป แล้วก็ปล่อยไป
นอนเล่นอยู่ที่กาสะลองสักพักใหญ่ๆ ก็ขี่มอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ครับ ดูบ้านดูเมืองไปเรื่อยๆ … วันนี้อำเภอปายค่อนข้างจะวุ่นวาย .. ช่วงเทศกาลคนเยอะ รถเยอะครับ

ธรรมชาติสวยๆ ในอำเภอปาย

ขุนเขาที่สลับซับซ้อนเป็นฉากหลังของเมือง

วัดพระธาตุแม่เย็นตั้งอยู่บนภูเขา เป็นจุดชมวิวอำเภอปายได้เป็นอย่างดี

วิวของอำเภอปายเมื่อมองจากวัดพระธาตุแม่เย็น

กลับจากวัดพระธาตุแม่เย็นก็เกือบค่ำแล้ว มาเดินในเมืองครับ ของกินมากมายอีกแล้ว หมูปิ้ง ผัดไทย ไก่ทอด KFG บัวลอย ฯลฯ 😛

มีร้านอาหารอินเดียด้วย.. ขอลองสักหน่อย

เมืองปายตอนค่ำๆ วันนี้คนเยอะมาก ร้านค้าเปิดขายของเรียงรายดูเหมือนกับถนนข้าวสารเลย พวกเราก็เรื่อยเปื่อยกันจนดึก ก่อนที่จะขี่มอเตอร์ไซต์กลับที่พัก ที่กาสะลองมีเพิงนั่งเล่นริมน้ำให้นั่งชิวได้ด้วยครับ
—— วันที่ 4 – อำเภอปาย – สะพานประวัติศาสตร์ – กองแลน – มิตรไทย ——————-

6 โมงเช้า ตื่นมาพบกับบรรยากาศตอนเช้าๆ อากาศดี มีหมอกฟุ้งไปหมด เย็นสดชื่นจริงๆ

วิวตอนเช้าๆ หลังที่พัก

ไก่…..

ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซต์เล่นท่ามกลางสายหมอก ไปสะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกสร้างขึ้นโดยญี่ปุ่น เพื่อเป็นทางลำเลียงเสบียงและอาวุธไปยังประเทศพม่าครับ

สะพานประวัติศาสตร์ในสายหมอก


ไม่ไกลจากสะพานประวัติศาสตร์คือ กองแลน หรือ Pai Canyon ลักษณะเป็นภูเขาดินแดงในป่าเต็งรัง ป่าสน มีหน้าผาสูงชันถูกกัดเซาะคล้ายปรากฏการณ์ดินทรุดตัว หรือแพะเมืองผีที่จังหวัดแพร่เลย
ตอนสายแดดออกแล้วก็กลับเข้าที่พัก เก็บของเตรียมตัวกลับแล้วครับ

ระหว่างที่รอรถกลับเชียงใหม่ ก็เดินเล่นในเมืองอีกรอบ แวะชม 2 ร้านชื่อดัง “มิตรไทย” กับ “All about Coffee” สังเกตุดูตู้ไปรษณีย์หน้าร้านสิครับ.. โปสการ์ดเต็มตู้แทบจะยัดไม่ลง !! ไม่เคยเห็นตู้ไปรษณีย์ที่ไหนเต็มแบบนี้เลย (O_O)

จริงๆ แล้วอำเภอปายยังมีธรรมชาติ และสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่ว่าพวกเราอยู่ที่นี่ได้แค่คืนเดียวก็ต้องกลับซะแล้ว.. น่าเสียดาย..
เดินทางออกจากอำเภอปายบ่ายสอง มาถึงตัวเมืองเชียงใหม่เย็นๆ แวะซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส แล้วก็ขึ้นรถทัวร์เชียงใหม่ – กทม. รอบ 20.30 กลับถึงกรุงเทพฯ 6.00 น. พอดีครับ.
3 คืนกับการเดินทางในภาคเหนือครั้งนี้ ได้รับประสบการณ์หลายรสเลยครับ ได้เพื่อนใหม่ ได้เที่ยวดอย ได้ดูดอกไม้ ได้โบกรถ (ขอบคุณผู้มีน้ำใจทุกท่านเลยนะครับ) สัมผัสอากาศหนาวๆ ได้เดินดูบ้านดูเมือง ได้เค้าท์ดาวน์ในความเสี่ยง ได้กินของอร่อยๆ ได้เห็นคนเยอะๆ ในสถานที่ท่องเที่ยว แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว.. นี่ละครับเมืองไทย.. ในช่วงเทศกาล ถึงจะวุ่นวาย แต่ก็สนุก และอบอุ่นดีครับ
[wp_ad_camp_1]