
เมื่อเดือนที่แล้ว ไปเดินป่าที่เขาหลวง จังหวัดสุโขทัยมาครับ กลับมาก็ยุ่งๆ กับงาน แล้วก็ป่วยอยู่นาน เลยยังไม่ได้เขียน blog สักที วันนี้ว่างๆ เลยได้เวลาเอารูปมาลง blog แล้วครับ
ทริปนี้ไปแบบทริปหารเฉลี่ยครับ ปกติในเว็บ Trekkingthai จะมีเว็บบอร์ดทริปหารเฉลี่ย ที่จะมีคนมาตั้งกระทู้ชวนไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มๆ เรื่องค่าใช้จ่ายก็จะหารกัน จ่ายเท่ากันทุกคนครับ เพิ่งเคยไปแบบนี้เป็นครั้งแรก ก็ดีเหมือนกัน ได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย สนุกสนานดีครับ
ข้อมูลการเดินทาง
อุทยานแห่งชาติรามคำแหง มีเนื้อที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอบ้านด่านลานหอย อำเภอคีรีมาศ และอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยปูชนียวัตถุอันเป็นโบราณสถานสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ตลอดจนมีสภาพธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น น้ำตกสายรุ้ง อุทยานแห่งชาติรามคำแหงมีเนื้อที่ประมาณ 213,125 ไร่ หรือ 341 ตารางกิโลเมตร
ลักษณะการท่องเที่ยว
- เดินป่า พักแรมด้วยเต้นท์ ภายในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน
แผนการเดินทางคร่าวๆ
คืนวันศุกร์
- ออกจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ ที่สถานีขนส่งสายเหนือ
วันเสาร์
- เช้ามืด – ถึง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย เหมารถเดินทางไปยังที่ทำการอุทยานฯ แวะตลาดเช้าที่ตัวอำเภอ
- สายๆ – เริ่มเดินขึ้นไปยังลานกางเต้นท์ (ค่ายพักแรม) ระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมง
- ช่วงบ่ายถึงเย็น – กินข้าวกลางวัน แล้วเดินไปชมจุดต่างๆ ที่น่าสนใจบนเขาหลวง
- ค่ำๆ – อาบน้ำ, พักผ่อน
วันอาทิตย์
- เช้า – ตื่น สัมผัสบรรยากาศยามเช้า, กินข้าวเช้า
- สายๆ – เดินลงเขา, อาบน้ำ, กินข้าวกลางวัน
- ช่วงบ่าย – เหมารถไปเที่ยวเมืองเก่าสุโขทัย
- เย็นๆ – ขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ ที่สถานีขนส่งจังหวัดสุโขทัย
- ดึกๆ – กลับถึงกรุงเทพฯ
ข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์
- เป็นทริปสั้นๆ ไปเสาร์-อาทิตย์ได้ ไม่ต้องลางาน
- สามารถไปได้ทั้งปี ไ่ม่มีช่วงปิด
- เนื่องจากเป็นอุทยานฯ ที่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ดังนั้นจึงควรติดต่ออุทยานฯ ล่วงหน้าทางโทรศัพท์ก่อนการเดินทาง แจ้งความประสงค์จะขอเดินขึ้นเขา เพื่อให้ทางอุทยานเตรียมลูกหาบ หรือเต้นท์ไว้ให้
- ถ้านั่งรถทัวร์ ให้ลงกลางทางที่ อ.คีรีมาศ จะสะดวกกว่าลงที่ตัวจังหวัดสุโขทัย
- ความโหดของเส้นทางเดินขึ้นเขา มากกว่าภูกระดึง แต่น้อยกว่าภูสอยดาว
- ใช้เวลาเดินประมาณ 3-5 ชั่วโมง ควรพกน้ำดื่มคนละ 1 ขวดติดตัวไปด้วยระหว่างเดิน
- สำหรับข้าวกลางวัน เพื่อความสะดวก ควรซื้อจากร้านอาหารตามสั่งด้านล่างขึ้นติดตัวไปด้วย
- มีลูกหาบบริการ ควรติดต่ออุทยานฯ ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง
- บนลานกางเต้นท์ ไม่มีร้านอาหาร
- บนลานกางเต้นท์มีอาหารแห้งขาย เช่น มาม่า ปลากระป๋อง น้ำดื่ม น้ำอัดลม (ราคาแพงกว่าปกติประมาณ 2 เท่า) โดย จนท.อุทยานฯ
- ควรซื้ออาหารแห้ง ของกิน ของใช้ที่จำเป็นจากตลาดเช้าที่ตัวอำเภอคีรีมาศ
- บนเขาหลวง มียอดเขา 4 ยอด แต่ละยอดมีเส้นทางเชื่อมถึงกันเป็นวงกลม สามารถเดินเป็นรอบได้ โดยใช้เวลาช่วงบ่าย-เย็น
- วันเดินทางกลับ ถ้าเวลาเหลือ ช่วงบ่ายสามารถแวะเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้ (เมืองเก่า)
- เมืองเก่าอยู่ห่างจากสถานีขนส่งจังหวัดสุโขทัยประมาณ 10 กิโลเมตร มีรถประจำทางวิ่งตลอด
- นึกไม่ออกแล้วครับ ใครนึกออกช่วยเขียนเพิ่มได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
ค่าใช้จ่าย
- ค่าตั๋วรถทัวร์ ไป-กลับ (กรุงเทพฯ – อ.คีรีมาศ หรือ สุโขทัย) ประมาณ 350×2 = 700 บาท
- ค่าเหมารถจากตัวอำเภอคีรีมาศ ไปที่ทำการอุทยานฯ และขากลับจากที่ทำการอุทยานฯ ไปเมืองเก่าสุโขทัย คนละประมาณ 150 บาท
- ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ คนละ 20 บาท
- ค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 15 บาท
- ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ คนละ 300 – 500 บาท
.
.
.
.

คืนวันศุกร์ นัดเจอกันที่หมอชิตเลยครับ เมื่อสมาชิกครบแล้วก็เดินไปที่ชานชลา
.
.

รถทัวร์ที่นั่งไปเป็นของบริษัทวินทัวร์ กรุงเทพฯ – อุตรดิตถ์ แต่เราจะต้องลงกลางทางที่ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย ครับ ค่ารถประมาณคนละ 350 บาท (พ.ย. 51)
.
.

รถทัวร์วิ่งมาประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย แล้วครับ
.
.

เพิ่งจะตี 4 ยังมืดอยู่เลยครับ ก็เลยเข้าไปนั่งรอรถในศาลาก่อน
.
.

นั่งรอสักพัก รถเหมาที่ได้ติดต่อไว้ก่อนแล้ว ก็มารับพาไปตลาดเช้าครับ ไปช่วยเค้าเปิดตลาด 😛
มื้อเช้า(มืด)นี้เลยกินข้าวเหนียวหมูปิ้งไป 7 ไม้ อร่อยมากก..
.
.

จากตัวอำเภอคีรีมาศ รถกระบะที่เหมาไว้ก็พามาส่งที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ห่างกันประมาณ 20 กิโลเมตร แล้วก็ซื้อบัตรเข้าอุทยานคนละ 20 บาทครับ
.
.

ตอนมาถึงที่ทำการอุทยานฯ ยังมืดอยู่ ก็เลยมีเวลาพักผ่อน ล้างหน้าล้างตา.. รอไม่นานก็เช้าแล้วครับ
.
.

บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ด้านล่าง มองขึ้นไปเห็นยอดเขาหลวงมีหมอกลอยอยู่เยอะเลย
.
.

ก่อนจะเดินขึ้นเขาหลวง ก็กินข้าวกันก่อนครับ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีร้านอาหาร และร้านขายของใช้ทั่วไปอยู่ 1 ร้าน
.
.

กินข้าวเสร็จแล้ว ประมาณ 9 โมงเช้า ก็พร้อมจะเดินกันแล้วครับ
.
.

บริเวณลานกางเต้นท์ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร จะต้องใช้เวลาเดินประมาณ 3-5 ชั่วโมงครับ แล้วแต่ว่าใครจะเดินช้า เดินเร็ว
.
.

ทางขึ้นเขา
.
.

สภาพเส้นทางเดินชันขึ้นเรื่อยๆ
.
.

สภาพป่าระหว่างทางเดินขึ้นเขาหลวง เป็นป่าดิบเขา (Hill Evergreen Forest)
.
.

เดินขึ้นมาได้สักพัก ก็มีจุดชมวิวให้นั่งพักครับ
.
.

วิวสวย
.
.

แค่นี้เอง ไม่เหนื่อยเลยย 😛
.
.


ระหว่างทางจะมีจุดให้แวะนั่งพักเหนื่อยเป็นระยะๆ ครับ
.
.

พี่ณัฐนั่งพัก รอคุณเป้(ใบใหญ่) เดินตามมา
.
.

.
.

พี่ณัฐนี่สุดยอดมากครับ เป็นคนเดียวที่ไม่ยอมใช้บริการลูกหาบ แบกเป้และเต้นท์เดินขึ้นเขาหลวงเองคนเดียว ฟิตจริงๆ
.
.

พี่รัน กับพี่เปิ้ล ทำอะไรกัน!!
.
.

เดินไปเรื่อยๆ … ผ่านไป 4 ชั่วโมงพอดี ก็ขึ้นมาถึงลานกางเต้นท์แล้วครับ
.
.

กว่าจะขึ้นมาถึงได้ ก็บ่ายโมงแล้ว เห้อเห้อ.. ขอนั่งพักเหนื่อยก่อน
ขึ้นมาถึงลานกางเต้นท์ ก็จัดการเก็บข้าวของ เลือกทำเลที่กางเต้นท์กัน แล้วก็มานั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันครับ .. หิวจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย 😛
.
.

เราจะนอนที่นี่แค่คืนเดียวครับ เพราะฉะนั้นช่วงบ่าย ต้องเดินไปตามจุดต่างๆ ทั้งหมด
.
.

แผนที่บนยอดเขาหลวง จะเห็นว่าจากลานกางเต้นท์ (ค่ายพักแรม) จะสามารถเดินไปตามจุดต่างๆ เป็นวงกลมได้ ใช้เวลาช่วงบ่าย จนค่ำ ก็น่าจะเดินได้ครบรอบพอดีครับ
.
.

หลังจากกินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินเที่ยวแล้วครับ จุดแรกที่จะไปก็คือยอดเขาเจดีย์
.
.

อยู่ไม่ไกลมาก แต่ก็ต้องออกแรงเดินขึ้นเนินกันเหนื่อยเลย
.
.

ตอนนี้แดดกำลังแรงเลยครับ
.
.

ทุ่งหญ้าบนยอดเขาเจดีย์
.
.

ต่อไปจะต้องเดินไปยอดเขาภูกา ซึ่งห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร
.
.

เดินไปเรื่อยๆ หญ้ารกดีครับ
.
.

พักเหนื่อยๆ
.
.

วิวสวยๆ ระหว่างทางเส้นทางเดิน
.
.

วิวตรงนี้สวยดีครับ มองไปเห็นที่ราบอันกว้างใหญ่
.
.

ทั้งเมฆ ทั้งหมอก เริ่มลอยมาใกล้ๆ
.
.

ข้างบนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วครับ อยู่ๆ ก็มีหมอกลอยมา ไม่มีแดดแล้ว
.
.

เดินผ่านหมอกไปยังยอดเขาภูกา
.
.

และแล้วก็ขึ้นมาถึงครับ ข้างบนนี้เย็นมากๆ หมอกและละอองน้ำลอยมาถูกตัว บรรยากาศเหมือนฝนกำลังจะตกเลย
.
.

เล่าเรื่องมาตั้งนาน เพิ่งจะมีรูปตัวเอง
.
.

นั่งพักอยู่บนยอดภูกาสักพักจนหายเหนื่อย แล้วฝนก็ตกลงมาครับ เลยค่อยๆ เดินกลับลานกางเต้นท์ด้วยเส้นทางเดิม วันนี้เลยไม่ได้เดินครบรอบตามที่วางแผนไว้
ระหว่างเดินกลับ ฝนก็ยังคงตกอยู่เรื่อยๆ เดินป่าลุยฝนก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ แต่ต้องเก็บกล้องเข้ากระเป๋า ไม่ได้ถ่ายรูปต่อเลยครับ
กลับมาถึงลานกางเต้นท์ก็พักผ่อน ช่วงค่ำๆ ก็กินข้าวเย็นกัน ข้างบนนี้ไม่มีอาหารขายครับ ต้องทำกินกันเอง มีเพียงอาหารแห้งพวกมาม่า ปลากระป๋อง น้ำดื่ม น้ำอัดลมขายเท่านั้น คืนนี้มีนักท่องเที่ยวมาพักแรมแค่ 3 กลุ่มเท่านั้นเองครับ
.
.
================// นอน //================
.
.

เช้าแล้วว..
.
.

ตอนเช้าตื่นมามีหมอกฟุ้งเต็มไปหมดเลย
.
.

.
.

เตรียมตัวกินมื้อเช้า
.
.

พี่เพลิน พ่อครัวหัวป่าประจำทริปนี้
.
.

อาหารญี่ปุ่น
.
.

เต้นท์
.
.

.
.

ช่วงเช้าวันนี้หมอกลงเยอะมาก ขนาดรอจนถึง 10 โมงแล้วหมอกก็ยังฟุ้งอยู่ แดดก็ไม่ค่อยมี เลยตัดสินใจว่าจะเดินลงกันเลย
.
.

ทีมงานลูกหาบ กิโลกรัมละ 15 บาท
.
.

10 โมงครึ่ง ก็เริ่มเดินลงกันแล้วครับ
.
.

.
.

โซนี่
.
.

พรานป่า !!
ขาลงใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของขาขึ้น ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ลงมาถึงที่ทำการอุทยานฯ ก็อาบน้ำให้หายเหนื่อย มีห้องอาบน้ำเป็นอย่างดี มาตรฐานอุทยานแห่งชาติทั่วไปครับ
.
.

แล้วรถเหมาที่นัดไว้ก็มารับ พอดีว่ามีเวลาเหลือ สมาชิกในกลุ่มก็เลยตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่เมืองเก่ากันก่อน จากเขาหลวงไปถึงเมืองเก่าใช้เวลาไม่นานมากครับ ไม่ถึงชั่วโมง
.
.

สุโขทัยเคยเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองเมื่อ 700 กว่าปีก่อน ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้
.
.

รถประจำทางจากเมืองเก่าไปสถานีขนส่งจังหวัดสุโขทัย
.
.

ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วครับ มาถึงสถานีขนส่งจังหวัดสุโขทัยช่วงเย็นๆ ก็ซื้อตั๋วรถทัวร์ (ได้โทรมาจองไว้ก่อนแล้วโดยพี่เป้ผู้นำทริปของเรา) ก่อนขึ้นรถ ก็กินข้าวด้วยกันเป็นเป็นมื้อสุดท้ายที่ร้านอาหารแถวนั้น
.
.

รถทัวร์สุโขทัย-กรุงเทพฯ วิ่งเส้นกำแพงเพชร ซึ่งต้องผ่านอำเภอคีรีมาศอีกครั้ง ก็เลยได้เห็นภาพบรรยากาศเขาหลวงยามเย็นระหว่างที่อยู่บนรถทัวร์ สวยงามมากครับ มองขึ้นไปแล้วก็นึกในใจว่าเมื่อวานนี้เราได้ขึ้นไปอยู่บนนั้นมาแล้ว
ถึงกรุงเทพฯ ประมาณเที่ยงคืนก็แยกย้ายกันกับบ้านใครบ้านมันครับ
ทริปเขาหลวงนี้เป็นการเดินทางสั้นๆ เพียงแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ เสาร์อาทิตย์ แต่ก็ได้อะไรหลายๆ อย่าง ได้พบเจอเพื่อนใหม่ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวเหมือนกัน ได้ออกจากกรุงเทพฯ ไปสัมผัสธรรมชาติ ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเขาหลวง อุทยานแห่งชาิติรามคำแหง นับว่าเป็นการเดินทางที่น่าประทับใจอีกครั้งหนึ่งในชีวิตครับ
.
.
[wp_ad_camp_1]