
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเกาหลีมาครับ ไม่ได้เขียนบล็อกนานแล้ว ขอมาอัพเดทหน่อยละกัน : )
ในยุคนี้ถ้าพูดถึง “เกาหลี” แน่นอนว่าทุกคนคงจะรู้จักกับความเป็น “เกาหลี” ดีแน่ๆ ในช่วง 10 ปีมานี้ เราได้รู้จักวัฒนธรรมเกาหลีผ่านสื่อต่างๆ เยอะแยะมากมาก ตั้งแต่ละคร หรือซีรี่เกาหลีที่เริ่มมีเข้ามาให้คนไทยได้รู้จัก ตั้งแต่ยุค Autumn In My Heart, Winter Love Song เรื่อยมาจนถึงเรื่องที่คนไทยพูดถึงกันทั้งบ้านทั้งเมืองอย่าง Full House และ Princess Hour ส่วนภาพยนต์หรือหนังเกาหลีนั้นก็เริ่มมาตั้งแต่ Il Mare จนมาดังสุดๆ ก็น่าจะเป็นเรื่อง My Sassy Girl จนมาถึงยุคนี้ K-Pop ก็ได้เข้ามาทำให้เราได้ฟังเพลงเกาหลีกัน อะไรหนอที่สามารถทำให้เกาหลีใต้ ประเทศเล็กๆ บนคาบสมุทรเกาหลี สามารถส่งออกวัฒนธรรมได้ประสบความสำเร็จมากถึงขนาดนี้… ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาคำตอบได้ไหม แต่วันนี้เรากำลังจะได้เดินทางไปเกาหลีเป็นครั้งแรกแล้วครับ : P
“เกาหลี” ไปไม่ยากครับ วีซ่าก็ไม่ต้องขอ แค่มีหนังสือเดินทาง (Passport) ซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วก็บินไปได้เลย
วันนี้จะได้ออกเดินทางไปเกาหลีแล้ว แผนการเดินทางของเรามีดังนี้ครับ..
—————————————————————-
สรุปแผนการเดินทางคร่าวๆ
วันที่ออกเดินทาง:
- เย็น – ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) / แวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง (HKG)
————————
วันที่ 1: โซล (Seoul) – ซกโซ (Sokcho)
- เช้า – ถึงเกาหลี ท่าอากาศยานอินชอน (Inchon Airport: ICN) / นั่งรถไฟ AREX เข้าเมือง / ฝากกระเป๋า
- สาย – นั่งรถบัสไปเมืองซกโซ (Sokcho) 3 ชั่วโมงครึ่ง (คนละ 16,100 KRW)
- เย็น – เดินเล่นในเมืองซกโซ กินบุฟเฟต์ BBQ (คนละ 10,000 KRW)
- นอน (คืนที่ 1) – Hostel ในเมืองซกโซ (คืนละ 30,000 KRW)
————————
วันที่ 2: ซกโซ (Sokcho) – ซอรัคซาน (Seoraksan) – โซล (Seoul)
- เช้า – นั่งรถเมล์ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan National Park) (ค่าเข้าคนละ 2,500 KRW, Cable Car คนละ 9,000 KRW)
- เย็น – นั่งรถบัสกลับโซล (คนละ 16,100 KRW)
- ค่ำ – เข้าที่พักย่านฮงแด (Hongdae) เดินเล่น กินข้าวย่านฮงแด
- นอน (คืนที่ 2) – Hostel ย่านฮงแด (คืนละ 50,000 KRW)
————————
วันที่ 3: โซล
- เช้า – สถานีรถไฟ Seoul Station, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลี (National Museum of Korea)
- บ่าย – เดินเล่นย่านทงแดมุน (Dongdaemun), คลองชองเกชอน (Cheongyecheon)
- เย็น – ขึ้นหอคอยนัมซาน (N Seoul Tower) (Cable Car คนละ 8,000 KRW, ค่าเข้าคนละ 9,000 KRW)
- ค่ำ – เดินเล่น ช้อปปิ้งย่านเมียงดง (Myeong-dong)
- นอน (คืนที่ 3) – Hostel ย่านฮงแด (Hongdae) (คืนละ 50,000 KRW)
————————
วันที่ 4: โซล
- เช้า – พระราชวังด็อกซูกุง (Deoksugung) (ค่าเข้า 2,000 KRW) / ดงฮวาดิวตี้ฟรี (Dongwha Duty Free) / พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung)
- บ่าย – เดินล่น ช้อปปิ้งย่านมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Womans university) / ย่านซินชอน (Shinchon)
- เย็น, ค่ำ – เดินเล่น ผ่านย่านนัมแดมุน (Namdaemun) และเก็บตกที่ย่านเมียงดง (Myeong-dong)
- ดึก – มาเดินเล่น นั่งชิลต่อที่ย่านฮงแด (Hongdae)
- นอน (คืนที่ 4) – Hostel ย่านฮงแด (คืนละ 50,000 KRW)
————————
วันที่ 5: โซล กลับกรุงเทพฯ
- สาย – ตื่น / ซื้อขนม / เตรียมไปสนามบินด้วยรถไฟ AREX
- บ่าย – ถึงท่าอากาศยานอินชอน (Inchon Airport: ICN) เตรียมกลับ กทม. / แวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง (HKG)
—————————————————————-
สำหรับบล็อกเกาหลีนี้ ขอแบ่งเป็น 4 ตอน ดังนี้นะครับ…
เกาหลี(ใต้)ลมหนาว
- ตอนที่ 1: ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ต่อรถจากโซล (Seoul) ไปซกโซ (Sokcho)
- ตอนที่ 2: เที่ยวภูเขาหิมะ อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan)
- ตอนที่ 3: เที่ยวโซล (Seoul)
- ตอนที่ 4: สรุปการเดินทาง ค่าใช้จ่าย แนะนำการเดินทาง และการเตรียมตัวเที่ยวเกาหลี
———————— วันที่ 1 ————————
ทริปนี้ไปกับ “ข้าวสวย” ครับ วันนี้เราจะเดินทางไปเกาหลีด้วยสารการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคกันครับ เพิ่งจะเคยบินแบบหรูๆ เป็นครั้งแรก ปกติ Low cost ตลอดเลย >_<
เราได้ตั๋วคาเธ่ย์ฯ มาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมแล้วครับ ไป-กลับเกาหลีราคารวมภาษีทุกอย่างแล้ว 15,640 บาท เป็นตั๋วโปรโมชั่นที่คาเธ่ย์ฯ ปล่อยออกมาในช่วงนั้น ก็เลยรีบซื้อไว้ แต่นั่งคาเธ่ย์ฯ มีข้อเสียอย่างนึงคือต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงทั้งขาไปและกลับครับ … แต่ไม่เป็นไร เรายังไม่เคยไปฮ่องกง แวะเปลี่ยนเครื่องลงไปเดินเล่นสักหน่อยก็น่าจะสนุกดี 😛
วันนี้เป็นวันอังคารครับ หลังจากเลิกงานเราก็รีบแบกกระเป๋าไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทันที…
คาเธ่ย์แปซิฟิค เที่ยวบินที่ CX702 บินด้วยเครื่องบิน Airbus A330 ครับ
มารอที่ Gate ผู้โดยสารไฟล์ทนี้เยอะทีเดียว
ขึ้นมานั่งบนเครื่องแล้วครับ เป็นครั้งแรกอีกแล้วที่ได้นั่งเครื่องบินแบบ 2 ทางเดิน แล้วก็มี PTV ด้วย
นั่งมา 2 ชั่วโมงกว่าก็มาถึงฮ่องกงแล้วครับ.. สายการบินค่าเธย์แปซิฟิคเป็นสายการบินของฮ่องกง การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีด้วยสายการบินนี้จะไม่มีไฟล์ทที่บินตรง ต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงครับ
เราใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงประมาณชั่วโมงครึ่ง เที่ยงคืนกว่าก็ได้เวลา boarding แล้ว เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมงนะครับ ระวังดูเวลาผิดเดี๋ยวจะตกเครื่องเอา
ผู้โดยสารทยอยต่อคิวขึ้นเครื่องแล้ว

ไฟล์ทนี้มีอาหารเสิร์ฟอีกรอบนึงด้วยครับ (ไฟลท์จากกรุงเทพฯ ก็มีอาหารเสิร์ฟมามื้อนึงแล้ว) มีให้เลือกระหว่างข้าวหน้าไก่กับพาสต้า ไฟล์ทที่แล้วกินข้าวไปแล้ว ไฟล์ทนี้ขอลองพาสต้าบ้างละกัน มีไอศกรีมให้ด้วยครับ 😛
จากฮ่องกงใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมงก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ตอนนี้เวลาตี 4 ฟ้ายังมืดอยู่เลย อากาศข้างนอกคงติดลบ แต่อยู่ในอาคารยังไม่หนาวจนสั่นมากครับ
ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองมาแล้วก็เอาเงินดอลลาร์สหรัฐ USD ไปแลกเป็นเงินวอน (KRW) ส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะเอาไปซื้อบัตร T-Money ครับ
สนามบินอินชอนอยู่ห่างจากใจกลางกรุงโซลประมาณ 50 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ด้วยรถบัส หรือรถไฟฟ้าแบบที่เรานั่งก็ได้ครับ สะดวกดี
รถไฟฟ้าที่วิ่งเชื่อมระหว่างสนามบินกับตัวเมืองเรียกว่า “AREX” ระบบขนส่งมวลชนที่นี่เชื่อมต่อกันหมด และสามารถใชับัตร T-Money ที่เราซื้อมาจ่ายได้หมดเลยครับ
ใช้เวลานั่งอยู่บนรถไฟ AREX ประมาณ 50 นาที ก็มาถึงย่านใจกลางเมืองแล้วครับ แผนของเราวันนี้คือจะเดินทางไปค้างคืนกันที่นอกเมืองก่อน เป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลฝั่งตะวันออกของเกาหลีชื่อว่า “ซกโซ (Sokcho)” ครับ ที่นั่นมีไฮไลท์เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีภูเขาหิมะให้เราได้ไปเที่ยวกัน แต่ก่อนที่จะเดินทางต่อ เราต้องเอากระเป๋าลากใบโตใบนี้ไปฝากไว้กับที่พักที่เราจะกลับมานอนที่โซลก่อนครับ จะได้ไม่เป็นภาระในการเดินทาง เอาให้เหลือแค่เป้คนละใบก็พอ : )
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 มาที่สถานี Gangbyeon Station เพื่อขึ้นรถบัสเดินทางต่อไปยังเมืองซกโซ (Sokcho) ครับ สถานีขนส่งแห่งนี้มีชื่อว่า Dong Seoul Bus Terminal ในรูปนี้เป็นตอนที่เรากำลังนั่งรอเวลาขึ้นรถครับ กำลังโดนป้าๆ ลุม โวยวายกันใหญ่ -_-‘
หน้าตารถบัสของเกาหลีที่จะพาเราเดินทางไปเมืองซกโซ (Sokcho) ครับ มีรถออกทุกๆ ชั่วโมงตั้งแต่เช้าจนถึง 5 ทุ่มเลย
ได้ตั๋วมาแล้ว.. คนละ 16,100 KRW เบาะใหญ่ นั่งสบายเลยทีเดียว
รถเริ่มออกจากกรุงโซลโดยวิ่งบน Highway เรียบแม่น้ำฮัน
นั่งรถมาได้สักพักใหญ่ๆ ออกจากเมืองมาไกลแล้ว ก็เริ่มมีหิมะบนเนินเขาให้เราเห็นกันแล้วครับ
ถนนระหว่างเมืองในเกาหลีนี่ดีจริงๆ ครับ ลักษณะคล้ายๆ Motor way ไปพัทยาของบ้านเรา ถึงแม้จะต้องผ่านภูมิประเทศที่เป็นหุบเขา เทือกเขา แต่รถก็สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงได้อย่างสบาย เนื่องจากถนนที่นี่เขาเจาะเป็นอุโมงค์ หรือไม่ก็สร้างเป็นสะพานข้ามหุบเขาไปเลยครับ ไม่ค่อยมีทางชันๆ ลดเลี้ยวเคี้ยวคด
ต้นเดือนมีนาคม หิมะบนภูกำลังละลายไปจนเกือบหมดแล้วครับ
นั่งรถบัสมาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า เราก็มาถึงเมืองซกโซ (Sokcho) แล้วครับ รถมาส่งที่สถานีขนส่ง Sokcho Intercity Bus Terminal (ที่ซกโซจะมีสถานีรถบัส 2 แห่งคือ Intercity Bus Terminal แห่งนี้ กับอีกที่นึงเรียกว่า Express Bus Terminal ครับ)
เมืองซกโซ (Sokcho) เป็นเมืองประมงเล็กๆ ริมทะเลชายฝั่งทะเลตะวันออกของเกาหลีครับ จากสถานีรถบัส เราก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ ตามทาง
เราเดินจากสถานีขนส่งมาไม่ไกลนัก ประมาณ 5-10 นาที ก็มาถึงที่พักของเราที่เมืองซกโซ (Sokcho) แล้วครับ “The House Hostel – Sockho” น่าจะเป็นที่พักแห่งเดียวที่ถูกแนะนำในอินเตอร์เน็ต เพราะตอนหาข้อมูล ใครๆ ก็บอกว่าให้มาพักที่นี่ และดูเป็นสากลสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากที่สุดแล้วครับ เราใช้วิธีจองห้องพักที่นี่โดยตรงทางอีเมล ล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ครับ เขียนส่งไปที่ yoohj73@hanmail.net บอกรายละเอียดไปว่าจะไปวันไหน พักกี่วัน อยากได้ห้องแบบไหน ฯลฯ … แล้วก็รออีเมลตอบกลับมาคอนเฟิร์มครับ
แล้วเราก็ได้รู้แล้วครับว่าทำไมใครๆ ถึงได้บอกว่าประทับใจมิสเตอร์ Yoo ผู้ดูแลที่พักที่นี่ … มีรางวัลการันตีซะขนาดนี้! Best Staff Award – The House Hostel
หลังจากเช็คอินเสร็จแล้ว มิสเตอร์ Yoo ก็บอกว่าขอเวลาเรา 15 นาที ไอ้เราก็งงว่าจะทำไม แล้วเขาก็เอาแผนที่ท่องเที่ยวเมืองซกโซมากางบนโต๊ะ แนะนำที่เที่ยวต่างๆ ร้านอาหาร และการเดินทางให้เราครบถ้วน ราวกับว่าเราจะมาอยู่ที่นี่เป็นเดือน สมแล้วจริงๆ กับรางวัล “Best Staff Award” ของ HostelBookers.com
สภาพห้องพัก ไม่ได้หรูหราอะไรมากครับ แต่ก็สะอาด อุ่น ยิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ อากาศก็หนาว น่านอนจริงๆ อุปกรณ์เครื่องใช้ก็มีพร้อม ทั้งตู้เย็น ทีวี ไดร์เป่าผม เครื่องกดน้ำร้อน น้ำเย็น ฮีตเตอร์ ฯลฯ คืนละ 30,000 KRW ครับ
หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักแล้ว เราก็รีบออกมาเดินเล่น ดูบ้านดูเมืองไปเรื่อยๆ วันนี้เหลือเวลาไม่มากแล้วครับ คงไปเที่ยวไหนได้ไม่มากนัก
แถวนี้เป็นย่านท่าเรือครับ ที่มีซกโซมี International Port ที่สามารถต่อเรือไปยังจีนหรือรัสเซียได้ด้วยครับ ทางเท้าที่นี่มีเลนสำหรับจักรยานซะด้วย ดีจัง : )
ปูยักษ์ตัวใหญ่มากกกกกกกก สดๆ อยู่ในตู้ ในย่านนี้มีร้านอาหารทะเลแบบนี้ตลอดทางเลยครับ
ที่มองเห็นไกลๆ เป็นชายหาดในเมืองซกโซครับ เพิ่งจะเคยเห็นบรรยากาศทะเลในเมืองหนาว
เราเดินเล่นเลาะชายฝั่งในเมืองซกโซได้ไม่นาน ก็เริ่มค่ำแล้วครับ ก็เลยเดินมาที่ร้าน BBQ เนื้อย่างเกาหลีตามที่มิสเตอร์ Yoo ได้แนะนำมา เนื่องจากกินเนื้อย่างแล้วมือมันมาก เลยไม่ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายให้ได้เห็นหน้าตาอาหารที่เรากินกันเลย >_<
มาถึงวันแรกก็ได้ลองเบียร์เกาหลีกันเลย เบียร์ Cass เคยเห็นแต่ซานดาร่ากับมินโฮดื่มกันในเอ็มวี Kiss อร่อยย..
มื้อค่ำมื้อนี้กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินกลับที่พัก ด้วยความอิ่ม และความเหนื่อยจากการเดินทางที่ยังไม่ได้พักมาตั้งแต่เมื่อวาน หัวถึงหมอนแล้วก็เลยสลบไปเลย >_<
———————— นอนคืนที่ 1: ซกโซ (Sokcho) ————————
โปรดติดตามต่อในตอนต่อไปนะครับ… พรุ่งนี้จะไปเที่ยวภูเขาหิมะแล้ววว : P
เกาหลี(ใต้)ลมหนาว
- ตอนที่ 1: ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ต่อรถจากโซล (Seoul) ไปซกโซ (Sokcho)
- ตอนที่ 2: เที่ยวภูเขาหิมะ อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan)
- ตอนที่ 3: เที่ยวโซล (Seoul)
- ตอนที่ 4: สรุปการเดินทาง ค่าใช้จ่าย แนะนำการเดินทาง และการเตรียมตัวเที่ยวเกาหลี
Pingback: เกาหลี(ใต้)ลมหนาว ตอนที่ 2/4 – เที่ยวภูเขาหิมะ อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan) | donuzz's blog()
Pingback: เกาหลี(ใต้)ลมหนาว ตอนที่ 3/4 เที่ยวโซล | donuzz's blog()